ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เทรนด์รักสุขภาพได้นำมาซึ่งธุรกิจเกิดใหม่มากมาย ไม่ว่าจะเป็นบริการฟิตเนส เทรนเนอร์ส่วนตัว นักโภชนาการ ตลอดจนธุรกิจอาหารเพื่อสุขภาพ หรืออาหารเสริมที่ยังคงเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่อง และมีแนวโน้มที่จะไปได้ดีในระยะยาว เนื่องจากสังคมไทยกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงวัย บริการด้านสุขภาพจึงเป็นที่ต้องการเป็นอย่างมาก ฉะนั้น อาหารเสริมจึงเป็นหนึ่งในตัวเลือกธุรกิจที่น่าสนใจ แต่หลายคนยังไม่รู้ว่าควรจะเริ่มต้นอย่างไร TNK Beauty จึงรวบรวม 10 กลยุทธ์ในการปั้นธุรกิจ ปั้นแบรนด์อาหารเสริมให้ประสบความสำเร็จ ทำยังไงไปดูกัน
1. กำหนดฐานลูกค้า ลูกค้าเป้าหมาย และการสำรวจการตลาด
หัวใจสำคัญของการทำธุรกิจทุกประเภท คือการต้องตอบคำถามให้ได้ตั้งแต่เริ่มแรกว่าลูกค้าของคุณเป็นใคร มีพฤติกรรมการบริโภคอย่างไร และทำไมพวกเขาจึงจะซื้อสินค้าของคุณ นอกจากนั้น การสำรวจตลาดยังช่วยให้เห็นภาพรวมของธุรกิจอาหารเสริมชนิดนั้นได้ดีขึ้น เช่น ทำให้ทราบว่ามีคู่แข่งรายใดบ้าง สินค้าประเภทใดที่ได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้า สินค้าแบบใดที่ขายไม่ได้ มีการทำการตลาดเพื่อประชาสัมพันธ์สินค้าอย่างไร ข้อมูลเหล่านี้จะช่วยให้คุณสามารถถอดบทเรียนความสำเร็จ ความล้มเหลวของแบรนด์ในตลาด และช่วยให้สามารถออกแบบสินค้าได้ตอบโจทย์ความต้องการมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ อาจลองปรึกษาผู้เชี่ยวชาญจากบริษัทผลิตอาหารเสริมดูก่อนก็ได้ เพื่อความมั่นใจในการเริ่มทำธุรกิจ
2. เลือกสูตรอาหารเสริมที่ได้มาตรฐาน
เมื่อตัดสินใจอย่างแน่วแน่ว่าจะเริ่มทำธุรกิจอาหารเสริมแล้ว ขั้นตอนต่อมาคือการเลือกสูตรสำหรับทำอาหารเสริม ซึ่งหลายคนอาจจะไม่ได้มีความรู้ด้านนี้โดยตรง ไม่ใช่ปัญหา เพราะปัจจุบันมีบริษัทหรือโรงงานรับผลิตอาหารเสริมจำนวนมากที่พร้อมให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการเลือกสูตรอาหารเสริมอย่างมืออาชีพ โดยคุณสามารถพูดคุยรายละเอียดของอาหารเสริมที่ต้องการผลิตได้ เช่น สำหรับกลุ่มลูกค้าแบบไหน ต้องการให้มีคุณสมบัติอย่างไร เน้นผลลัพธ์แบบไหน ซึ่งทุกแห่งจะมีสูตรอาหารเสริมมาตรฐานที่ผ่านการรับรองความปลอดภัยจาก อย. ให้เลือกอยู่แล้ว ซึ่งหากคุณโอเคกับสูตรดังกล่าวก็สามารถข้ามไปขั้นตอนการสั่งทำและออกแบบบรรจุภัณฑ์ได้เลย
3. สั่งทำสูตรอาหารเสริมในแบบของตัวเอง
หากสูตรอาหารเสริมมาตรฐานของบริษัทหรือโรงงานยังไม่ตอบโจทย์ความต้องการ คุณสามารถเลือกที่จะพัฒนาสูตรอาหารเสริมของตัวเองได้ด้วยการแจ้งความจำนงกับบริษัทรับผลิตอาหารเสริมที่ใช้บริการ ซึ่งส่วนใหญ่จะมีผู้เชี่ยวชาญ เภสัชการ นักโภชนาการ และนักวิทยาศาสตร์ด้านอาหารคอยให้คำปรึกษา แนะนำ และร่วมพัฒนาสูตรอาหารเสริมของคุณตลอดทั้งกระบวนการ เพื่อให้มั่นใจสูตรที่พัฒนาออกมาจะมีความปลอดภัยและได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการจริง ๆ ซึ่งหากคุณเลือกพัฒนาสูตรเอง ขั้นตอนนี้ก็จะใช้เวลาประมาณ 2 3 เดือน เพราะหลังจากพัฒนาสูตรอาหารเสริมเสร็จเรียบร้อยแล้ว ต้องส่งให้ อย. พิจารณรับรองความปลอดภัยอีกทีหนึ่ง
4. เริ่มทำการตลาดทันที
สินค้าขายดีทุกชนิดส่วนใหญ่มีการทำการตลาดที่ยอดเยี่ยม เนื่องเพราะสินค้าไม่สามารถขายตัวเองได้หรือเดินไปหาลูกค้าแล้วบอกว่าซื้อผมด้วยได้ หน้าที่เหล่านี้จึงตกเป็นของเจ้าของธุรกิจที่ต้องพาสินค้าไปแนะนำให้กับกลุ่มเป้าหมายด้วยวิธีการต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นช่องทางโซเชียลมีเดีย การไปออกบู๊ธในงานแสดงสินค้าต่าง ๆ ตลอดจนการลงโฆษณาเพื่อประชาสัมพันธ์สินค้า หรือใช้พรีเซ็นเตอร์ในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย ทั้งนี้ การวางแผนมาร์เก็ตติ้งควรเริ่มตั้งแต่ก่อนหรือระหว่างอาหารเสริมกำลังเข้าสู่กระบวนการผลิต โดยคุณสามารถปรึกษากับฝ่ายการตลาดของบริษัทผลิตอาหารเสริมที่คุณใช้บริการได้ เพื่อจัดทำแผนการตลาดตั้งแต่เนิ่น ๆ
5. ออกแบบบรรจุภัณฑ์ให้น่าสนใจ
โลโก้ ฉลาก และบรรจุภัณฑ์เรียกได้ว่าเป็นหน้าเป็นตาของสินค้าทุกชนิด เนื่องเพราะมันเป็นสิ่งแรกที่คนเห็นก่อนที่จะอ่านคุณสมบัติเพื่อให้ทราบว่าสินค้าชิ้นนี้คืออะไร กฎเหล็กข้อหนึ่งของการทำการตลาด คือ การจับความสนใจของลูกค้าให้อยู่หมัดภายใน 3 วินาที เพราะหากไม่มีปัจจัยดึงดูดตั้งแต่แรกเห็นแล้วก็อาจจะทำให้เสียโอกาสในการมัดใจลูกค้าไปอย่างน่าเสียดาย เพราะฉะนั้น การดีไซน์บรรจุภัณฑ์ให้ชวนมอง สะดุดตาผู้คนได้ตั้งแต่แรกเห็นจึงมีความสำคัญ เพราะของดีต้องมีคนมองเห็นด้วย จึงจะขายดีตาม ผู้ประกอบการมือใหม่หลายคนอาจจะไม่ได้มีความชำนาญเรื่องการดีไซน์ ดังนั้น จึงควรปรึกษาบริษัทผลิตอาหารเสริมซึ่งมีแผนกที่ดูแลด้านบรรจุภัณฑ์โดยเฉพาะ น่าจะช่วยให้คำแนะนำได้ดี
6. ติดตามกระบวนการผลิตอาหารเสริมอย่างใกล้ชิด
การเป็นเจ้าของกิจการหมายความคุณควรจะต้องรู้ที่มาที่ไปของสินค้าตั้งแต่เริ่มจนจบ แม้ว่ากระบวนการผลิตสินค้าจะเป็นหน้าที่ความรับผิดชอบของโรงงานผลิตอาหารเสริม แต่คุณควรจะต้องติดตาม (Follow-up) แต่ละขั้นตอนอย่างใกล้ชิดเพื่อให้สามารถวางแผนการปล่อยสินค้าออกสู่ตลาดได้ พร้อม ๆ กับการตรวจเช็คความถูกต้อง ปลอดภัยของสินค้าว่าไม่มีกระบวนการอะไรที่ผิดแปลกไปจากปกติ เพราะสิ่งที่สำคัญที่สุดของธุรกิจอาหารเสริม คือ ความปลอดภัย บรรจุภัณฑ์ต้องระบุรายละเอียดให้ครบถ้วน ทั้งส่วนประกอบและวันหมดอายุ การทำธุรกิจด้วยธรรมาภิบาลและความปรารถนาจะให้ลูกค้าได้รับสิ่งที่ดีที่สุดเท่านั้นที่จะช่วยสร้างความยั่งยืนให้กับแบรนด์ธุรกิจอาหารเสริมของคุณ เพราะแบรนด์ใดที่เอาเปรียบลูกค้าเพื่อหวังกำไรเกินควรมักจะจบไม่สวย
7. หลังจากวางขายสินค้า ห้ามหยุดทำการตลาด
แม้ว่ากระบวนการผลิตอาหารเสริมจะเสร็จสิ้น และเริ่มต้นปล่อยสินค้าออกสู่ตลาดแล้ว แต่คุณห้ามหยุดทำการตลาดโดยเด็ดขาด เพราะในช่วงเริ่มแรก สินค้าของคุณอาจยังไม่เป็นที่รู้จัก หนทางที่ดีที่สุดในการเพิ่มยอดขายคือการสร้างทราฟฟิคให้กับผลิตภัณฑ์อาหารเสริม ไม่ว่าจะเป็นการประชาสัมพันธ์ผ่านโซเชียลมีเดีย การลงโฆษณา หรือการแจกให้ชิมฟรี ช่วงเวลานี้นับว่ามีความสำคัญต่อการกำหนดชะตาธุรกิจว่าจะไปรุ่งหรือร่วง เพราะหากกระแสตอบรับจากลูกค้าดีก็มีโอกาสที่จะไปได้สวย แต่หากขายได้น้อยหรือไม่ได้เลย อาจจะต้องปรับกลยุทธ์การขายหรือเปลี่ยนกลุ่มลูกค้าเพื่อกระตุ้นยอดขาย ซึ่งขั้นตอนทั้งหมด คุณสามารถปรึกษาฝ่ายการตลาดของบริษัทผลิตอาหารเสริมได้ตลอดเวลา เนื่องจากพวกเขาเป็นมืออาชีพที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จมานักต่อนักแล้ว
8. ขายไม่ออกให้ใจเย็น ค่อย ๆ หาทางแก้ไข
การขายสินค้าไม่ได้หรือไม่มีลูกค้าเป็นปัญหาคลาสสิคของคนทำมาค้าขาย สิ่งแรกที่ต้องทำเพื่อแก้ไขสถานการณ์ดังกล่าวคือการหาสาเหตุว่าทำไมผลิตภัณฑ์อาหารเสริมของคุณถึงขายไม่ออก ทำเลไม่ดี โฆษณาน้อย หรือบรรจุภัณฑ์ไม่ดึงดูดเท่าที่ควร จากนั้นให้ลองวางแผนหาวิธีการกระตุ้นยอดขาย โดยสามารถปรึกษาร่วมกับฝ่ายการตลาดซึ่งอาจมีคอนเนคชั่นหรือทริคดีๆ ที่ช่วยได้ อย่างไรก็ตาม การจัดโปรโมชั่นหรือการลองเปลี่ยนกลุ่มเป้าหมายใหม่ก็อาจจะช่วยให้ยอดขายกระเตื้องขึ้นได้ เพียงแต่ต้องใช้เวลาบ้างเล็กน้อย ขอให้อดทนต่อสู้
9. สต็อกสินค้าให้พอ ห้ามปล่อยจนขาดตลาด
การสร้างแบรนด์สินค้าให้เป็นมืออาชีพนั้น คุณควรจะต้องมีการบริหารจัดการธุรกิจอย่างรอบคอบ รวมถึงการสต็อกสินค้าให้เพียงพอสำหรับการจำหน่าย เนื่องเพราะผลิตภัณฑ์อาหารเสริมต้องใช้เวลาในการผลิต หากมีออร์เดอร์เข้ามามากจนสินค้าหมดสต็อกก็เท่ากับว่าร้านของคุณบริหารงานไม่เป็นมืออาชีพ ปล่อยให้สินค้าหมด ทำให้เสียโอกาสทำกำไรไปได้และหมดความน่าเชื่อถือในสายตาลูกค้า ฉะนั้น จึงต้องตรวจเช็คสต็อกและประมาณการสินค้าที่ต้องผลิตเพิ่มให้ดี หรือควรประสานงานกับฝ่ายโลจิสติกของบริษัทผลิตอาหารเสริมเพื่อให้ทราบว่าสินค้าเหลือเท่านี้ควรผลิตเพิ่มเท่าไหร่ และควรสั่งผลิตเมื่อไหร่เพื่อให้สินค้าเสร็จทันเวลา
10. วางแผนอนาคตให้ชัดเจน
การสร้างธุรกิจอาหารเสริมให้ปัง ดัง และรวยในระยะยาวนั้นต้องมีการวางแผนอย่างรัดกุม เมื่อเริ่มขายสินค้าไประยะหนึ่งและมีแนวโน้มว่าธุรกิจจะไปได้ดี คุณควรเริ่มวางแผนอนาคตคร่าว ๆ ว่าควรจะขยายตลาดไปยังลูกค้ากลุ่มอื่น ๆ หรือแตกไลน์ใหม่ไปจับอาหารเสริมประเภทอื่นดีหรือไม่ เพราะปัจจุบันธุรกิจที่หยุดนิ่งโดยไม่พัฒนาเสี่ยงที่จะถูกคู่แข่งแซงหน้าได้เสมอ โดยคุณอาจจะปรึกษากับฝ่ายการตลาดของบริษัทผลิตอาหารเสริมที่ใช้บริการเพื่อให้ทราบข้อมูลว่าหากต้องการจะขยับขยายแบรนด์ บริษัทสามารถผลิตอาหารเสริมเพิ่มเติมได้หรือไม่ และใช้ต้นทุนมากน้อยเพียงใด ทั้งนี้ ก็เป็นไปเพื่อความก้าวหน้าของธุรกิจอาหารเสริมของคุณ หากต้องการประสบความสำเร็จอย่างยั่งยืน อย่าหยุดพัฒนาดั่งมีคนกล่าวไว้ว่าความสำเร็จดีใจได้วันเดียว เพราะวันที่เหลือคือวันที่ต้องมุ่งมั่นพัฒนาสินค้าให้ดียิ่งขึ้นต่อไป
การสร้างธุรกิจอาหารเสริมให้ประสบความสำเร็จนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย แต่หากคุณลองใช้ 10 กลยุทธ์ที่บทความนี้แนะนำไว้ข้างต้นเป็นแนวทางในการริเริ่มปักหลักไมล์แรกบนธุรกิจอาหารเสริมก็น่าจะเป็นการเริ่มต้นที่ดี เพราะไม่มีใครรู้ว่าการทำธุรกิจจะพานพบกับความสำเร็จหรือล้มเหลว แต่สิ่งที่แน่นอนที่สุดคือคนที่ไม่กล้าลงมือทำอะไรเลย โอกาสในการประสบความสำเร็จย่อมเป็นศูนย์เสมอ