ชวนรู้ ข้อดีข้อเสีย ก่อนเริ่มธุรกิจ ขายของออนไลน์
การขายของออนไลน์ หรือ อีคอมเมิร์ซ (e-Commerce) เป็นการดำเนินการซื้อขายสินค้าและบริการด้วยสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ซึ่งจะช่วยให้การดำเนินธุรกิจเป็นไปได้อย่างรวดเร็ว ลดต้นทุนและกระบวนการดำเนินงานให้น้อยลง แถมยังเพิ่มประสิทธิภาพการขายสินค้าได้อย่างทั่วถึง สามารถซื้อขายได้ทุกที่ ทุกเวลา ซึ่งปัจจุบันเป็นที่นิยมมาก จนวันนี้ ตลาดอีคอมเมิร์ซไทยปี 2020 มีมูลค่าเติบโตสูงถึงกว่า 2 แสนล้านบาท
แม้เป็นเรื่องจริงที่ว่า วันนี้ใครๆ ก็สามารถเริ่มต้นขายของออนไลน์ได้อย่างง่ายดายเพราะมีแพลทฟอร์มมากมายให้เลือกเชื่อมต่อหาลูกค้าที่ไหนก็ได้บนโลกนี้ แต่ความจริงยิ่งกว่านั้นก็คือ อีคอมเมิร์ซ ถือเป็น Red Ocean หรือ น่านน้ำสีแดง ที่แข่งขันสุดดุเดือด แม้จะเข้าง่าย แต่ก็ไม่ใช่ว่า ทุกคนที่เข้ามาจะประสบความสำเร็จ ดังนั้น ก่อนที่ แม่ค้าออนไลน์ หน้าใหม่จะกระโดดสุดตัวลงสู่สนามนี้ ควรรู้ข้อดี-ข้อเสียในการทำธุรกิจ ขายของออนไลน์ เสียก่อน ซึ่งเราสรุปมาให้รู้กัน ดังนี้
สินค้าอะไรขายออนไลน์ ได้บ้าง?
คำตอบคือ.. สามารถขายได้ทุกอย่างที่ ถูกกฎหมาย ไม่ได้มีข้อจำกัด ขึ้นอยู่กับความพอใจและเชื่อใจกันระหว่างผู้ซื้อกับผู้ขาย แต่อาจแบ่งให้เห็นภาพชัดเจนมากขึ้น ได้แก่ - สินค้าที่จับต้องได้ เช่น เสื้อผ้าแฟชั่น เครื่องประดับ เสื้อผ้าเด็ก ของเล่น เครื่องสำอาง อาหารเสริม อาหารแห้ง อุปกรณ์ไอที เครื่องดนตรี สินค้าแฮนเมด อุปกรณ์แต่งบ้าน-แต่งรถ ฯลฯ - สินค้าที่จับต้องไม่ได้ เช่น แอพพลิเคชัน ซอฟต์แวร์ เพลง ไอเทมในเกม ฯลฯ - สินค้าด้านบริการ เช่น บัตรกำนัลดิจิทัล ตั๋วเครื่องบิน โรงแรมที่พัก บริการสปา เสริมสวย ฯลฯ
7 ข้อ!!!! เตรียมตัวเป็น พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์
1. กำหนดงบลงทุน และเลือกสินค้าที่จะขาย งบลงทุน เป็นสิ่งแรกที่ต้องวางแผนงบการขายสินค้า เพราะจะเป็นตัวกำหนดให้เราใช้เงินลงทุนในงบที่กำหนด ป้องกันการใช้งบบานปลาย
2. ช่องทางการขายสินค้า เลือกให้เหมาะกับกลุ่มเป้าหมาย ช่องทางการขายสินค้าออนไลน์มีหลากหลาย เช่น ขายบน เว็บไซต์ ที่เปิดใหม่ขึ้นเอง ซึ่งแม้จะต้องลงทุนเพื่อทำเว็บไซต์ของตัวเอง แต่ก็มีข้อดี คือ สามารถบริหารจัดการหน้าร้าน การแสดงผล รวมถึงฟังก์ชั่นที่ต้องการได้ตามที่ต้องการ นอกจากนี้ยังสามารถขายผ่านแพลตฟอร์มยอดนิยมอย่าง e-Marketplace เช่น Shopee, Lazada ก็สะดวกง่ายดาย หรือจะขายผ่าน Social Commerce อาทิ Facebook, IG, Line ที่เดี๋ยวนี้เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ให้สามารถค้าขายบนแพลตฟอร์มเหล่านี้ได้และเริ่มเป็นที่นิยมมากขึ้น
3. ทำการตลาดบนโซเชียลมีเดีย แม่ค้ามือใหม่ต้องให้ความสำคัญกับ การตลาดออนไลน์ หรือการโปรโมทร้านค้าผ่านโซเชียลมีเดียต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น Facebook, TikTok, Twitter, Instagram, Line หรือ YouTube เพื่อช่วยเพิ่มช่องทางการขายและการตลาด เนื่องจากสื่อเหล่านี้สามารถข้าถึงคนจำนวนมากได้ง่ายและรวดเร็ว สามารถโต้ตอบระหว่างผู้ซื้อและผู้ขายได้ทันที นับเป็นเครื่องมือที่คุ้มค่า และช่วยประหยัดต้นทุนการโปรโมทร้านได้มาก โดยการทำการตลาดบนโซเชียลในยุคนี้ แพลตฟอร์มยอดนิยมคงหนีไม่พ้น TikTok ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มวิดีโอสั้นที่กำลังมาแรงที่สุด ไม่เพียงสามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้หลากหลาย แต่ยังเป็นเครื่องมือที่ทรงพลังสำหรับการทำดิจิทัลมาร์เก็ตติ้ง
4. บริหารจัดการ เวลา ตอบลูกค้ายิ่งเร็วยิ่งดีก่อนจะเริ่มขายออนไลน์จริง ควรเตรียมการและซักซ้อมเรื่องการบริหารเวลา ให้ดี เนื่องจากการขายออนไลน์จะมีการซื้อ-ขายกันตลอด 24 ชั่วโมง ผู้ค้าต้องตั้งรับจุดนี้ให้ได้ เพื่อไม่ให้การค้ามาทำลายสมดุลชีวิตจนร่างกายพัง ผู้ค้าออนไลน์ยังสามารถใช้เทคโนโลยี แชทบอท (Chatbot) ซึ่งเป็นโปรแกรมสื่อสารข้อความอัตโนมัติใน แจ้งข้อมูลเบื้องต้น เช่น ราคาและรายละเอียดสินค้า ซึ่งวิธีนี้นอกจากจะให้ข้อมูลเบื้องต้นแก่ลูกค้าโดยไม่ต้องมาคอยเฝ้าแชทแล้ว ยังช่วยให้ลูกค้ารู้สึกได้รับการตอบสนอง ไม่ถูกทิ้งขว้างจนกลายเป็นหันไปหาร้านอื่นแทน นอกจากนี้ เรายังสามารถเขียนรายละเอียดให้ชัดเจนว่า สามารถรับออเดอร์ลูกค้าได้ช่วงเวลากี่โมงถึงกี่โมง และจะรีบตอบกลับเร็วที่สุดที่จะทำได้ เป็นต้น
5. ช่องทางการชำระเงิน ต้องให้ลูกค้าสะดวกที่สุดผู้ค้าควรจัดเตรียมช่องทางการชำระเงินให้มีความหลากหลาย เพื่อความสะดวกแก่ลูกค้าเวลาชำระเงิน ไม่ว่าจะเป็นการเก็บเงินปลายทาง, การโอนจ่ายเงินผ่าน e-Banking, การจ่ายผ่านบัตรเครดิต/เดบิต, จ่ายผ่านเคาน์เตอร์เซอร์วิส, จ่ายผ่านบัญชีออนไลน์อื่น ๆ (PayPal, Rabbit LINE pay, mPay) รวมถึงควรระบุค่าธรรมเนียมในการจัดส่งให้ชัดเจนด้วย
6. เข้าใจการยื่นภาษีของ ร้านค้าออนไลน์ รู้หรือไม่? อาชีพ ขายของออนไลน์ พ่อค้าแม่ค้าก็ต้อง ยื่นภาษี เช่นกัน ไม่ว่าคุณจะเป็นผู้ค้าออนไลน์ที่มีรายได้ทางเดียวจากการขายของออนไลน์ หรือจะเป็นมนุษย์เงินเดือนที่ขายของออนไลน์ควบคู่ไปด้วย ต่างก็ต้องยื่นภาษี 2 แบบ คือ ภ.ง.ด. 94 และ ภ.ง.ด. 90 โดยจะต้องยื่นภาษีตามที่กรมสรรพากรกำหนด ดังนี้
รอบที่ 1 : ยื่นภาษีครึ่งปี ช่วง ก.ค. ก.ย. ของทุกปี นำเงินได้ ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.- 30 มิ.ย. มาแสดงในการยื่นภาษี ตามแบบฟอร์ม ภ.ง.ด. 94 ภายในวันที่ 1 ก.ค.-30 ก.ย.
รอบที่ 2 : ยื่นภาษีปลายปี ช่วง ม.ค. มี.ค. ของทุกปี โดยนำเงินได้ทั้งปี มากรอกในแบบฟอร์ม ภ.ง.ด. 90 ภายในวันที่ 1 ม.ค. 31 มี.ค. ของปีถัดไป (เช่น เงินได้ปี 2563 ต้องยื่นใน มี.ค.2564)
7. จัดส่งสินค้าต้องเร็ว ราคาไม่แพงการจัดส่งสินค้าก็เป็นอีกเรื่องที่ต้องศึกษาให้ดี ต้องเลือกระบบขนส่งสินค้าที่ส่งของได้เร็ว สะดวก มีบริการเสริมที่ดี ที่สำคัญคือต้องมีค่าส่งที่ไม่แพง เพื่อให้ พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ ได้กำไรมากขึ้น อย่างเช่นการใช้บริการส่งสินค้ากับ ไปรษณีย์ไทย ก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ช่วยให้ผู้ค้าออนไลน์ส่งสินค้าได้สะดวกรวดเร็วและราบรื่นขึ้น
#ทำแบรนด์ครบวงจร #รับผลิตครีม #โรงงานครีม #สร้างแบรนด์ #ทำแบรนด์ #พัฒนาสูตรครีม #ทำแบรนด์พร้อมกล่อง #ทำแบรนด์ราคาถูก #โรงงานผลิตครีม #ขอเลขจดแจ้ง #รับบรรจุ #เรามีบริการครบวงจร #ของถึงมือลูกค้าพร้อมขายได้ทันที #โรงงาน #มีสถานที่ผลิตชัดเจน #ไม่มีสารต้องห้ามในการผลิต #ผลิตเองไม่ผ่านคนกลาง #แนะนำช่องทางการจัดจำหน่าย #แนะนำการส่งออกสินค้าไปขายยังต่างประเทศ #ออกแบบผลิตภัณฑ์ให้โดดเด่น #ธุรกิจออนไลน์ #ครบจบที่เดียว #ครบวงจร #ONESTOPSOLUTION #รับสร้างแบรนด์ #Tnkbeauty #รับผลิตสินค้าอาหารเสริม #รับสร้างแบรนด์มูสกำจัดขน #รับสร้างแบรนด์สินค้าชงดื่ม #รับสร้างแบรนด์เครื่องสำอาง #โรงงานผลิตอาหารเสริม #โรงงานผลิตเครื่องสำอาง